ต่างชาติเฮ !! ตม.เปิดช่องออร์โต้สุวรรณภูมิ สำหรับต่างชาติ
ต่างชาติเฮ !! ตม.เปิดช่องออร์โต้สุวรรณภูมิสำหรับต่างชาติ เร่งระบายหนาแน่นเดินทางออก เริ่ม 15 ธ.ค. รับนโยบาย สร.1
ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปรับปรุงระบบตรวจคนเข้าเมืองขาออก ให้คนต่างชาติ สามารถใช้ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channel ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อลดความหนาแน่นผู้โดยสาร ที่จะต้องรีบเดินทางขึ้นเครื่องบิน ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งนายเศรษฐาฯ นายกรัฐมนตรี ได้เคยกำชับในการประชุมย่อย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง ก่อนออกเดินท่างไปประชุม APEC ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เมื่อกลางเดือน พ.ย.66 ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ 11 ธ.ค.66 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทาง สตม.ได้พัฒนาโปรแกรม ระบบ Automatic channel หรือ ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ ขาออก ( Departure Passport Control ) ที่ ตม.สุวรรณภูมิ ให้สามารถตรวจผู้เดินทางที่ถือหนังสิอเดินทางชาวต่างชาติได้ด้วย โดยเดิม ตรวจได้เพียงผู้เดินทางที่ใช้หนังสือเดินทางไทยเท่านั้น โดยจะเริ่มใช้งาน 15 ธ.ค.นี้
สำหรับระบบ Automatic channel ขาออก ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีการเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี 2555 จำนวน 16 เครื่อง ใช้ในการตรวจผู้โดยสารคนไทยเป็นหลัก ใช้เวลาในการตรวจหนังสือเดินทางโดยเปรียบเทียบกับใบหน้าและลายนิ้วมือ เพียง 20 วินาที ต่อคน โดยไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ประทับตราขาออก ซึ่งเป็นมาตรฐานปกติที่ ตม.สนามบินทุกประเทศใช้งาน ในขณะที่ช่องตรวจหนังสือเดินทางที่ใช้เจ้าหน้าที่ จะใช้เวลาในการตรวจ 45 วินาทีต่อคน
สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจุบัน มีผู้เดินทางออกราววันละ 50,000 – 60,000 คน และจะมีความหนาแน่นในช่วงที่มีเที่ยวบินออกพร้อมกันในช่วงเดียวกันกว่า 20 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ผู้โดยสารต้องผ่านขั้นตอนการ check in ผ่านการตรวจสแกนความปลอดภัย และขั้นตอน ตม. ซึ่งหากล่าช้า ผู้โดยสารอาจตกเครื่องได้ ดังนั้น ทาง ตม.จึงพยายามลดขั้นตอนต่างๆ เพื่อเร่งระบายผู้เดินทางจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อการขึ้นเครื่องให้ทันเวลา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในเรื่องนี้ จึงได้เรียกตนไปสั่งการให้ศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการใช้ ระบบ Automatic channel ตรวจผู้โดยสารต่างชาติได้ด้วย ซึ่งจะทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการระบายความหนาแน่นได้ดีกว่า ตนจึงได้ร่วมประชุมกับผู้บริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผบก.ตม.2 และ ศูนย์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงบริษัทซึ่งรับผิดชอบระบบเทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมือง เมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหารือแล้วสามารถทำได้ โดยต้องพัฒนาโปรแกรมการตรวจใหม่ และได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้งานได้ใน 15 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่า คนต่างชาติที่จะใช้ ระบบ Automatic channel ต้องเป็นผู้ที่ถือหนังสือเดินทางที่เป็น E-Passport ตามมาตรฐานของ องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)ซึ่งมีประเทศที่เป็น สมาชิกราว 70 กว่าประเทศ ซึ่งมีปริมาณการเดินทางออกราววันละ 30,000 คน นอกนั้น เป็นชาวต่างชาติที่หนังสือเดินทางแบบเอกสารปกติ และชาวต่างชาติที่เป็นเด็ก เป็นผู้พิการ หรือคนต่างชาติที่หนังสือเดินทาง E-Passport ผิดปกติ ก็ยังจำเป็นต้องใช้การตรวจผ่านเจ้าหน้าที่อยู่เช่นเดิม แต่จะมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น จากปริมาณความหนาแน่นที่ลดลง
โดยจะสามารถตรวจผู้โดยสารขาออกที่สนามบินสุวรรณภูมิได้คล่องตัวขึ้น เป็นเท่าตัวจากเดิมรองรับการตรวจผู้โดยสารขาออกราว 5,000 คน ต่อชั่วโมง เป็นประมาณ 12,000 คน ต่อชั่วโมง ทั้งนี้ ในการตรวจจะลดขั้นตอนการประทับตราขาออกลงไป แต่ยังคงสามารถตรวจสอบบุคคลที่มีหมายจับคดีอาญา บุคคลที่ศาลมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และบุคคลที่อยู่เกินกำหนดอนุญาต หรือ overstay ได้เช่นเดิม
นอกจากนั้น ในช่วง ก.ค.67 ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) จะจัดซื้อระบบ Automatic channel เพื่อทดแทนระบบเดิมที่มีอายุการใช้งานกว่า 12 ปี ที่ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ ดอนเมือง ทั้งในส่วนขาเข้า และขาออก โดย ในส่วนขาออกระหว่างประเทศ จะติดตั้งที่สุวรรณภูมิราว 80 เครื่อง จากเดิมมีแค่ 16 เครื่อง และ ติดตั้งทดแทนที่ขาเข้าระหว่างประเทศ 16 เครื่อง ส่วนสนามบินดอนเมือง จะติดตั้งทดแทนที่ขาออกระหว่างประเทศ 8 เครื่อง จากเดิม 4 เครื่อง ส่วนขาเข้าระหว่างประเทศ 8 เครื่อง จากเดิม 4 เครื่อง เช่นกัน โดยจะมีระบบการทำงานที่ทันสมัย แม่นยำ และรวดเร็วกว่าเดิม
สำหรับการตรวจขาเข้าระหว่างประเทศ ยังจำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการคัดกรองตรวจสอบบุคคลเข้าราชอาณาจักรตามหลักความมั่นคงของประเทศ โดยในอนาคตเมื่อมีการติดตั้งเครื่อง Automatic channel ที่ขาออกเพิ่มเติมได้แล้ว จะสามารถนำเจ้าหน้าที่มาเพิ่มกำลังช่องตรวจหนังสือเดินทางขาเข้าได้มากขึ้น ซึ่งจะสามารถรองรับการตรวจผู้โดยสารในช่วงเที่ยวบินหนาแน่นได้มากขึ้นด้วย